“กระบี่” ถือเป็นอาวุธประจำกายของอัศวิน ซึ่งจะได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น จึงถือได้ว่ากระบี่นั้นเป็นทั้งอาวุธ เป็นทั้งขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของ
“พิธีลอดซุ้มกระบี่ในโรงเรียนเหล่าทัพ” อันได้แก่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีความหมายในเชิงของการ “ต้อนรับเข้าเป็นพวกพ้อง” โดยในชีวิตของการเป็นนักเรียนเหล่านั้นจะมีพิธีลอดซุ้มกระบี่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว คือการลอดซุ้มกระบี่ในพิธีรับแหวนรุ่น
สำหรับ “การลอดซุ้มกระบี่ในพิธีแต่งงาน” นั้น มีความหมายคล้ายคลึงกับการลอดซุ้มกระบี่ในโรงเรียนเหล่าทัพ โดยเมื่อเจ้าบ่าวผู้จบการศึกษาชั้นสูงสุดจากโรงเรียนเหล่าทัพได้ตัดสินใจเลือกเจ้าสาวมาเป็นคู่ครองผู้ที่จะร่วมเรียงเคียงบ่าก้าวไปสู่อนาคตแห่งเกียรติยศข้างหน้าแล้ว จึงถือเสมือนว่าทั้งสองได้กลายมาเป็นบุคคลคนเดียวกัน และเพื่อเป็นการยืนยันความเป็นบุคคลคนเดียวกันนี้เอง เหล่าบรรดาเพื่อน พี่ น้อง จึงพร้อมใจกันสร้างซุ้มกระบี่แห่งเกียรติยศขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อต้อนรับเจ้าสาวเข้าสู่ครอบครัวเหล่าทัพซึ่งเปี่ยมด้วยมิตรภาพอันอบอุ่น และร่วมกันตระหนักถึงภารกิจที่จะต้องร่วมกันเป็นทั้ง "แนวหน้า" และ "แนวหลัง" ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตลอดจนพิทักษ์สันติราษฎร์ให้แก่ปวงชน
เนื่องจากพิธีลอดซุ้มกระบี่นี้เป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะปรากฏเพียงในงานแต่งงานของผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเหล่าทัพเท่านั้น ซึ่งในหนึ่งปีมีผู้สำเร็จการศึกษาเพียงไม่กี่ร้อยคนจากจำนวนชายชาตรีนับแสนนับล้านคน จึงนับเป็นเรื่องที่วิเศษอยู่ไม่น้อย
แต่แม้กระนั้นก็ตาม ยังมีเรื่องที่วิเศษยิ่งกว่านั้น ซึ่งสิ่งวิเศษที่ว่านี้ก็คือ การที่พรหมลิขิตได้ดลบันดาลให้คนสองคนได้มาพบรักกันบนโลกใบนี้นั่นเอง
หมายเหตุ - ประวัติซุ้มกระบี่นี้ ผม พ.ต.ท.ฐิตวันต์ อาจธรรม (นตท.๔๐ นรต.๕๖) เป็นผู้เรียบเรียงขึ้นมา เพื่อใช้ประกอบคำบรรยายของพิธีกรในงานฉลองมงคลสมรส และยินดีให้เผยแพร่เพื่อเป็นของขวัญแด่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวผู้พร้อมจะร่วมเส้นทางอันมีเกียรติ และจับมือประคับประคองกันเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคจนกระทั่งสู่ความสำเร็จในชีวิตการรับราชการทหาร-ตำรวจ ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานเล็กๆ น้อยๆ และขอให้มีความสุขมากๆ ครับ
อันที่จริงแล้ว ถ้าไปหาอ่านประวัติของต่างประเทศ ก็จะมีกล่าวถึงซุ้มกระบี่ (Saber Arch) อยู่เหมือนกันนะครับ ต้นกำเนิดจริงๆ มาจากราชนาวีอังกฤษ ส่วนรายละเอียดสามารถอ่านดูได้ตามลิงค์นี้ครับ